ภูมิปัญญาชาวบ้านในอดีตกับการนำปูนขาวมาใช้ประโยชน์ทั้งการเกษตรและก่อสร้างบ้าน
ปูนขาว สารพัดประโยชน์คู่แผ่นดินไทยในอดีต
ภูมิปัญญาชาวบ้านในอดีตเป็นผลลัพธ์ของการสั่งสมความรู้จากประสบการณ์ชีวิตจริงและการสังเกตสิ่งแวดล้อมอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในด้านการเกษตรและการก่อสร้าง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในวิถีชีวิตของชุมชนไทยมานานหลายชั่วอายุคน หนึ่งในวัสดุที่ถูกนำมาใช้หลากหลายวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพคือ “ปูนขาว” หรือแคลเซียมออกไซด์ (CaO) ซึ่งชาวบ้านผลิตขึ้นจากเปลือกหอยหรือหินปูนที่ผ่านการเผาให้กลายเป็นผงละเอียด สีขาวอมเทา
และเป็นวัสดุที่มีแคลเซียมคาร์บอเนตสูงในเตาเผาแบบพื้นบ้านจนเกิดปฏิกิริยาเคมี ทำให้เกิดการสลายตัวซึ่งมีคุณสมบัติเป็นด่าง เมื่อละลายน้ำจะเกิดความร้อนและกลายเป็นแคลเซียมไฮดรอกไซด์ (Ca(OH)₂) หรือปูนขาวชื้น โดยวัสดุพื้นบ้านชนิดนี้ได้แทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตของคนไทยมาตั้งแต่โบราณ และนำคุณสมบัติอันโดดเด่นมาประยุกต์ใช้อย่างชาญฉลาดและกว้างขวาง ทั้งในงานเกษตรกรรมเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต และในงานสถาปัตยกรรมเพื่อสร้างปัจจัยสี่อันมั่นคง การทำความเข้าใจภูมิปัญญาเหล่านี้จึงเปรียบเสมือนการเปิดหน้าต่างสู่ความรู้และความสามารถของคนไทยในอดีต ที่สามารถพึ่งพาตนเองและอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน
ปูนขาว หัวใจแห่งผืนดินและการเกษตรตามวิถีไทยโบราณ
ในภาคการเกษตร สารชนิดนี้ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรไทยในอดีตสามารถเพาะปลูกพืชพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการนำมาใช้ประโยชน์ในหลากหลายรูปแบบ ได้แก่
- ใช้ในการปรับปรุงบำรุงดินเพื่อเพิ่มผลผลิต :
- ลดความเป็นกรดของดิน (แก้ดินเปรี้ยว) : ดินในหลายพื้นที่ของประเทศไทยมีแนวโน้มเป็นกรด ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของพืชส่วนใหญ่ คนไทยในอดีตทราบดีว่าการโรยปูนขาวลงในดินก่อนการเพาะปลูกหรือระหว่างการเตรียมดิน จะช่วยปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน (ค่า pH) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมยิ่งขึ้น เพราะจะทำปฏิกิริยากับกรดในดิน ให้ดินมีความเป็นกรดน้อยลง ส่งผลให้ธาตุอาหารหลายชนิดที่ถูกตรึงอยู่ในดินเนื่องจากสภาวะกรดจัด ถูกปลดปล่อยออกมาให้พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่ายขึ้น
- ปรับปรุงโครงสร้างดิน : นอกจากการปรับค่า pH แล้ว ปูนขาวยังมีส่วนช่วยในการปรับปรุงโครงสร้างทางกายภาพของดิน โดยเฉพาะดินเหนียวที่มีเนื้อดินแน่นทึบ การใส่สารชนิดนี้เข้าไปจะช่วยให้เม็ดดินจับตัวกันเป็นก้อนเล็กๆ ทำให้ดินโปร่งและร่วนซุยขึ้น เพิ่มช่องว่างให้อากาศและน้ำแทรกซึมได้ดีขึ้น รากพืชจึงสามารถหายใจ ชอนไชหาอาหารและน้ำได้สะดวก ส่งเสริมการเจริญเติบโตของระบบรากให้แข็งแรง
- เพิ่มธาตุแคลเซียมและแมกนีเซียมแก่ดิน : หินปูนซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตปูนขาว ที่อุดมไปด้วยธาตุแคลเซียมและในบางแหล่งอาจมีแมกนีเซียมปะปนอยู่ด้วย การใช้สารชนิดนี้จึงเป็นการเพิ่มธาตุอาหารรองเหล่านี้ให้กับดินโดยตรง ซึ่งแคลเซียมมีความสำคัญต่อการสร้างผนังเซลล์พืช ทำให้พืชแข็งแรง ทนทานต่อโรคและแมลง
- ลดความเป็นกรดของดิน (แก้ดินเปรี้ยว) : ดินในหลายพื้นที่ของประเทศไทยมีแนวโน้มเป็นกรด ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของพืชส่วนใหญ่ คนไทยในอดีตทราบดีว่าการโรยปูนขาวลงในดินก่อนการเพาะปลูกหรือระหว่างการเตรียมดิน จะช่วยปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน (ค่า pH) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมยิ่งขึ้น เพราะจะทำปฏิกิริยากับกรดในดิน ให้ดินมีความเป็นกรดน้อยลง ส่งผลให้ธาตุอาหารหลายชนิดที่ถูกตรึงอยู่ในดินเนื่องจากสภาวะกรดจัด ถูกปลดปล่อยออกมาให้พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่ายขึ้น
- การป้องกันและควบคุมศัตรูพืชและโรคพืช :
- ยับยั้งเชื้อราและแบคทีเรีย : คุณสมบัติความเป็นด่างสูงของปูนขาว (pH ประมาณ 12-13) มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคพืชหลายชนิด โดยเฉพาะเชื้อราในดินที่เป็นสาเหตุของโรครากเน่า โคนเน่าหรือโรคเหี่ยว เกษตรกรในอดีตมักนำสารนี้ละลายน้ำในอัตราส่วนที่เหมาะสม ราดรดบริเวณโคนต้นพืชหรือโรยรอบพุ่มและแปลงเพาะปลูก เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค
- ขับไล่แมลงและสัตว์ศัตรูพืช : กลิ่นและความเป็นด่างของปูนขาวมีผลในการขับไล่แมลงบางชนิด เช่น มด ปลวกและสัตว์ศัตรูพืชขนาดเล็กอื่นๆ เช่น หอยทากและทาก ที่มักเข้ามากัดกินต้นอ่อนหรือส่วนต่างๆ ของพืช การโรยสารนี้เป็นแนวกั้นรอบแปลงผักหรือบริเวณบ้านเรือน จึงเป็นวิธีการป้องกันแบบธรรมชาติที่ได้ผลดี
- รักษาแผลของต้นไม้ : ในกรณีที่ต้นไม้มีบาดแผลจากการตัดแต่งกิ่งหรือจากสาเหตุอื่น ชาวบ้านจะนำปูนขาวผสมน้ำให้ข้นพอประมาณ ทาบริเวณรอยแผลเพื่อป้องกันเชื้อราและแบคทีเรียเข้าทำลายเนื้อไม้ ช่วยให้แผลแห้งเร็วขึ้น
- ยับยั้งเชื้อราและแบคทีเรีย : คุณสมบัติความเป็นด่างสูงของปูนขาว (pH ประมาณ 12-13) มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคพืชหลายชนิด โดยเฉพาะเชื้อราในดินที่เป็นสาเหตุของโรครากเน่า โคนเน่าหรือโรคเหี่ยว เกษตรกรในอดีตมักนำสารนี้ละลายน้ำในอัตราส่วนที่เหมาะสม ราดรดบริเวณโคนต้นพืชหรือโรยรอบพุ่มและแปลงเพาะปลูก เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค
- การจัดการสภาพแวดล้อมทางการเกษตรอื่นๆ :
- ปรับสภาพน้ำในบ่อเลี้ยงปลาและกุ้ง : สารชนิดนี้ยังถูกนำมาใช้เพื่อปรับค่า pH ของน้ำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำได้อีกด้วย เพราะลดความเป็นกรดที่อาจเกิดจากการสะสมของเสียและอาหารเหลือ นอกจากนี้ยังช่วยในการตกตะกอนสารอินทรีย์แขวนลอย ทำให้น้ำใสขึ้นและช่วยควบคุมเชื้อโรคในน้ำได้ในระดับหนึ่ง
- การหมักปุ๋ย : ในกระบวนการทำปุ๋ยหมักบางสูตร มีการใช้ปูนขาวในปริมาณเล็กน้อยเพื่อช่วยเร่งกระบวนการย่อยสลายของวัสดุอินทรีย์ และช่วยลดกลิ่นเหม็นที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการหมัก
- ปรับสภาพน้ำในบ่อเลี้ยงปลาและกุ้ง : สารชนิดนี้ยังถูกนำมาใช้เพื่อปรับค่า pH ของน้ำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำได้อีกด้วย เพราะลดความเป็นกรดที่อาจเกิดจากการสะสมของเสียและอาหารเหลือ นอกจากนี้ยังช่วยในการตกตะกอนสารอินทรีย์แขวนลอย ทำให้น้ำใสขึ้นและช่วยควบคุมเชื้อโรคในน้ำได้ในระดับหนึ่ง
ปูนขาว วัสดุพื้นฐานในงานก่อสร้างบ้านเรือนและสถาปัตยกรรมไทยโบราณ
ในแง่ของงานก่อสร้าง สารชนิดนี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ในสถาปัตยกรรมไทยแบบดั้งเดิม ตั้งแต่บ้านเรือนของสามัญชนไปจนถึงวัดวาอารามและพระราชวัง ซึ่งสะท้อนถึงความเข้าใจในคุณสมบัติของวัสดุและความสามารถในการสร้างสรรค์ที่น่าทึ่ง ดังนี้
- ส่วนผสมหลักในปูนโบราณ (ปูนตำ/ปูนหมัก) :
- กระบวนการผลิตปูนตำ : ก่อนที่ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์จะเข้ามามีบทบาท ปูนขาวคือหัวใจสำคัญของวัสดุประสานที่เรียกว่าปูนตำหรือปูนหมัก การเตรียมปูนตำเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ โดยเริ่มจากการเผาหินปูนหรือเปลือกหอยมาหมักกับน้ำเป็นเวลานาน (บางครั้งนานเป็นปี) เพื่อให้ปูนตายตัวหรือมีปฏิกิริยาที่สมบูรณ์ จากนั้นจึงนำมาผสมกับส่วนประกอบอื่นๆ ที่หาได้จากธรรมชาติ
- ส่วนผสมเสริมเพื่อเพิ่มคุณสมบัติ : การเติมปูนขาวเพื่อให้ปูนตำมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละประเภท ช่างโบราณได้คิดค้นการเติมวัสดุต่างๆ เข้าไป เช่น
- ทราย : เพื่อเพิ่มปริมาณ ลดการแตกร้าวและช่วยในการรับกำลัง
- ดินเหนียว : ช่วยเพิ่มความเหนียวและความสามารถในการอุ้มน้ำของปูน
- น้ำอ้อย น้ำตาลโตนด หรือกากน้ำตาล : สารอินทรีย์เหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยให้ปูนเซ็ตตัวช้าลง ทำให้มีเวลาในการทำงานมากขึ้น และเชื่อว่าช่วยเพิ่มความแข็งแรงในระยะยาว
- ยางไม้ (เช่น ยางบง ยางเชือกหนัง) : ช่วยเพิ่มการยึดเกาะและความเหนียวของเนื้อปูน
- ข้าวเหนียวเปียกหรือน้ำข้าว : แป้งในข้าวเหนียวช่วยเพิ่มความเหนียวและการประสาน
- กระดาษฟางหรือเส้นใยธรรมชาติ : ช่วยเสริมกำลัง ลดการแตกร้าว คล้ายกับการใช้ไฟเบอร์ในคอนกรีตสมัยใหม่
- ทราย : เพื่อเพิ่มปริมาณ ลดการแตกร้าวและช่วยในการรับกำลัง
- กระบวนการผลิตปูนตำ : ก่อนที่ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์จะเข้ามามีบทบาท ปูนขาวคือหัวใจสำคัญของวัสดุประสานที่เรียกว่าปูนตำหรือปูนหมัก การเตรียมปูนตำเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ โดยเริ่มจากการเผาหินปูนหรือเปลือกหอยมาหมักกับน้ำเป็นเวลานาน (บางครั้งนานเป็นปี) เพื่อให้ปูนตายตัวหรือมีปฏิกิริยาที่สมบูรณ์ จากนั้นจึงนำมาผสมกับส่วนประกอบอื่นๆ ที่หาได้จากธรรมชาติ
- งานฉาบผิวและงานตกแต่งสถาปัตยกรรม :
- ปูนฉาบผนัง : ปูนตำที่ผสมปูนขาวถูกนำมาใช้ในงานฉาบผนังอิฐหรือผนังดิน เพื่อให้ผิวผนังมีความเรียบเนียน สวยงามและป้องกันเนื้อวัสดุด้านในจากสภาพอากาศ
- งานปูนปั้นประดับ : ความเหนียวและความสามารถในการขึ้นรูปของปูนตำเมื่อผสมอย่างถูกส่วน ทำให้สามารถนำมาใช้ในงานปูนปั้นลวดลายต่างๆ เพื่อประดับตกแต่งอาคาร เช่น หน้าบัน ซุ้มประตู หน้าต่าง ช่อฟ้า ใบระกา ลวดลายปูนปั้นเหล่านี้ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังสะท้อนคติความเชื่อและเอกลักษณ์ทางศิลปะของไทยได้อย่างชัดเจน
- การทำฐานรากและพื้น : ในบางพื้นที่มีการใช้ปูนขาวผสมกับหินหรืออิฐในการทำฐานรากหรือแม้กระทั่งการทำพื้นบ้าน โดยเฉพาะในส่วนที่ต้องการความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ
- ปูนฉาบผนัง : ปูนตำที่ผสมปูนขาวถูกนำมาใช้ในงานฉาบผนังอิฐหรือผนังดิน เพื่อให้ผิวผนังมีความเรียบเนียน สวยงามและป้องกันเนื้อวัสดุด้านในจากสภาพอากาศ
- การเคลือบผิวและรักษาเนื้อวัสดุ :
- ใช้ทาลงบนผนังไม้หรือผนังก่ออิฐฉาบปูน : เป็นวิธีการที่แพร่หลายในอดีต นอกจากจะทำให้บ้านเรือนดูสว่าง สะอาดตาและสวยงามแบบเรียบง่ายแล้ว ชั้นของปูนขาวยังช่วยป้องกันเนื้อไม้จากแมลงและความชื้นได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งคุณสมบัติความเป็นด่างยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของตะไคร่น้ำและเชื้อราบนพื้นผิวได้อีกด้วย
- การรักษาเนื้อไม้ : มีการนำสารนี้มาใช้ในการแช่หรือทาไม้ก่อนนำไปใช้งาน เพื่อลดการเข้าทำลายของปลวก มอดและช่วยให้ไม้ทนทานขึ้น
- ใช้ทาลงบนผนังไม้หรือผนังก่ออิฐฉาบปูน : เป็นวิธีการที่แพร่หลายในอดีต นอกจากจะทำให้บ้านเรือนดูสว่าง สะอาดตาและสวยงามแบบเรียบง่ายแล้ว ชั้นของปูนขาวยังช่วยป้องกันเนื้อไม้จากแมลงและความชื้นได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งคุณสมบัติความเป็นด่างยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของตะไคร่น้ำและเชื้อราบนพื้นผิวได้อีกด้วย
การใช้ปูนขาวในอดีตแสดงให้เห็นถึงการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติและประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสมกับวิถีชีวิต โดยไม่ต้องพึ่งพาวัสดุจากภายนอกหรือเครื่องจักรสมัยใหม่ ซึ่งความรู้ที่เกิดขึ้นจากการสังเกต ทดลองและถ่ายทอดต่อกันนี้คือเสาหลักของภูมิปัญญาท้องถิ่น แม้ในปัจจุบันการใช้ปูนขาวจะลดน้อยลงด้วยการมาถึงของวัสดุสมัยใหม่และสารเคมีทางการเกษตร แต่ภูมิปัญญาเหล่านี้ก็ยังคงมีคุณค่า ทั้งในแง่ของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การลดต้นทุนและการฟื้นฟูระบบนิเวศที่ยั่งยืน ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างกลมกลืน
หากคุณกำลังมองหาปูนขาวเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมของคุณ RHK Group เราเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสารเคมี เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท ทั้ง อุตสาหกรรมสี, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, เหล็ก, ยาง, น้ำมันอุตสาหกรรม, สิ่งทอ, การพิมพ์, อาหาร, เครื่องดื่มและเครื่องสำอาง ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานจากแหล่งผลิตทั้งในและต่างประเทศให้คุณได้เลือกใช้กับอุตสาหกรรมของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยแน่นอน
สนใจ ปูนขาว ติดต่อได้ที่
บริษัท อาร์ เอช เค กรุ๊ป จำกัด
189 ม.10 ต.สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 10130
โทร : 02-394-0222 , 02-757-9961 แฟ็กซ์ 02-394-0223
อีเมล: rhkgroup@hotmail.com , mktg@rhkchemical.com